ว่านหางจระเข้ มีสารอะโลอินและสารอะโลอินิน ซึ่งเป็นสารที่มีรสขม มีสรรพคุณใช้เป็นยารักษาโรคทางเดินอาหาร และโรคอวัยวะภายในอื่นๆ
Dr.SOEDA MOMOE แห่ง Toho University ของญี่ปุ่น ได้วิจัยเกี่ยวกับสรรพคุณของว่านหางจระเข้ในการรักษาโรค โดยทดลองในสัตว์ต่างๆ จนสรุปได้ดังต่อไปนี้
1.ใช้รักษาแผลที่เกิดจากไฟไหม้ แผลจากความเย็น (Frost-bite) และแผลที่ถูกแมลงกัดต่อย
เนื่องจากแผลที่ถูกไฟไหม้ เนื้อเยื่อของผิวหนังจะถูกทำลายไปไม่มากก็น้อย เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ปิดตรงบริเวณแผล ทำให้รู้สึกเย็นที่แผลและช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเนื้อเยื่อใต้ผิว สามารถระงับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคในบริเวณแผล ป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน อีกทั้งไม่ทำให้เกิดแผลเป็นอีกด้วย
2. ระงับการขยายตัวของเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
ว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ สามารถสลายพิษ (Neutralization) ที่เชื้อโรคขับออกมา และยังสามารระงับการขยายตัวของเชื้อไวรัสได้อีกด้วย
3.รักษาและสมานแผลในกระเพาะอาหารและในลำไส้เล็กส่วนต้น
4.ป้องกันโรคมะเร็ง
ทั้งนี้ Dr.SOEDA ได้ทำการทดลองในหนู แพะ และกระต่าย พบว่า สัตว์ตัวที่ได้กินว่านหางจระเข้ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะมีภูมิต้านทานโรคมะเร็งมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีสารพิเศษหลายชนิดที่มีผลระงับการขยายตัวของเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งและการที่ร่างการรับเอาเชื้อไวรัสที่ถูกยับยั้งการขยายตัวก็จะก่อให้เกิดภูมิต้านทานโรคมะเร็งขึ้นได้
นอกจากนี้ Dr.SOEDA ยังพบอีกว่า ว่านหางจระเข้นอกจากมีสารอะโลอิน และสารอะโลอีนินแล้วยังมีสารอื่นๆ อีกหลายชนิดได้แก่ สารอะลอคตินเอ สารอะโลมิซิน สารอะโคลูติน และสารโพลีแซคคาไรด์ เป็นต้น
สารอะโลคูตินและสารอะลอคตินเอ มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและสลายสารพิษของเชื้อโรค
สารอะโลมิซินและสารอะโลคูติน สามารถระงับการขยายตัวของเชื้อไวรัสโรคมะเร็งได้
ส่วนสารโพลีแซคคาไรด์ สามารถกระตุ้นการสมานแผลได้
สารที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่าง เช่น ทนควาวมร้อน ทนกรด ทนด่างและยังมีขนาดโมเลกุลที่เล็กมาก ดังนั้นสารเหล่านี้จึงมีความสามารถในการซึมผ่านสูงเป็นพิเศษ
ด้วยเหตุนี้ในการรักษาโรคฮ่องกงฟุตซึ่งเป็นโรครักษายาก หากใช้ว่านหางจระเข้รักษาก็จะหายได้โดยง่าย ทั้งนี้เพราะว่านหางจระเข้สามารถวึมเข้าสู่ส่วนลึกของผิวหนังซึ่งยาธรรมดาขาดคุณสมบัติเช่นนี้
ในการรักษาสิวที่เกิดขึ้นตามใบหน้าก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักยิ่งถ้ารักาด้วยยาปฏิชีวนะนานเข้าเชื้อโรคก็จะเกิดการดื้อยาได้ ก็จะไม่เป็นผลดีในการรักาอีกต่อไป แต่ถ้ารักษาด้วยว่านหางจระเข้ซึ่งมีคุณสมบัติของการสลายพิษของเชื้อโรค การรักษาก็จะได้ผลดีกว่า โดยไม่ทำให้เกิดการดื้อยา
เนื่องจากว่านหางจระเข้มีผลในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ดังนั้นในการรักษาโรคไข้หวัด โรคคางทูม ตุ่มพุพองตามริมฝีปาก และโรคอื่นๆ ที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส หากใช้ว่านหางจระเข้รักษาเมื่อเริ่มมีอาการก็จะได้ผลดีมาก
(อ้างอิงจาก ทัศนีย์ เมฆอริยะ,”ว่านหางจระเข้ ตำรับแพทย์จีน”,2530)
No comments:
Post a Comment